มะเขือเทศเป็นผลของต้นมะเขือเทศเพราะฉะนั้นเป็นผลไม้ค่ะ ....... มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาเหนือ แต่ที่อังกฤษมะเชือเทศจะอยู่ในกลุ่มผักเพราะทั่วโลกมักกินสดในสลัดผัก หรือใช้ประกอบอาหารหลักในมื้ออาหาร เช่น ปรุงเป็นซอสสปาเก็ตตี้และเป็นซอสราดหน้าพิซซ่าในประเทศอิตาลี มากกว่าการกินเป็นผลไม้ค่ะ...........มะเขือเทศเป็นผักที่มีปริมาณการกินสูงสุดเป็นอันดับ ๔ ของสหรัฐอเมริกาเชียวนะคะ รองมาจากมันฝรั่ง ผักกาดแก้ว และหอมหัวใหญ่ค่ะ
มะเขือเทศมีสารอาหารเพิ่มความสวยมากมายนะคะ...... เริ่มตั้งแต่สารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ในผลมะเขือเทศจะมีสารจำพวก แคโรทีนอยด์ ชื่อไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารสีแดง และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน บี 1 บี 2 วิตามิน เค โดยเฉพาะวิตามิน เอ และวิตามิน ซี มีในปริมาณสูง มีกรดมาลิค กรดซิตริก ซึ่งให้รสเปรี้ยว และมีกลูตามิค (Glutamic) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร ........ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารเบต้า - แคโรทีน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก.โพแทสเซียม สารโฟเลต ........... ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ มีปริมาณโพแทสเซียมและโฟเลตในปริมาณใกล้เคียงกับผักยอดนิยมหลายชนิด แต่มีวิตามินซีและอัลฟ่าโทโคฟีรอลมากกว่าผักอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายและ ช่วยเพิ่มความสวยได้ด้วยนะคะ
มะเขือเทศมีไลโคปีน (Lycopene)เป็นสารสำคัญที่พบได้ในผลมะเขือเทศ ......ซึ่งจัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งใน 600 ชนิด โดยไลโคปีนพบใน มะเขือเทศ แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู และมะละกอ เป็นต้นค่ะ ....... ไลโคปีนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ที่ชัดเจนที่สุด คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก รองลงมา คือมะเร็งปอด กระเพาะอาหาร นอกจากนี้ก็ยังแสดงให้เห็นประโยชน์ของการได้รับไลโคปีนในการลดความเสี่ยงของมะเร็งตับอ่อน ลำไส้ใหญ่ (colon) ทวารหนัก คอหอย ช่องปาก เต้านม และปากค่ะ
มะเขือเทศควรรับประทานทั้งสดและผ่านการปรุงด้วยความร้อนแล้วนะคะ ..... ของสดบางครั้งอาจสู้ของที่ผ่านความร้อนไม่ได้โดยเฉพาะมะเขือเทศค่ะ ......... มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า นอกจากนี้ความร้อนและกระบวนการต่างๆในการผลิตผลิตภัณฑ์มะเขือเทศยังทำให้ไลโคปีนเปลี่ยนรูปแบบ (จากไลโคปีนชนิด “ออลทรานส์”(all-trans-isomers)เป็นชนิด “ซิส” (cis -isomers)) คือ เป็นชนิดที่ละลายได้ดีขึ้นนะคะ ......... เพราะฉะนั้นเราจึงพบปริมาณไลโคปีนสูงในอาหารที่ทำจากมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการทำให้เข้มข้นขึ้น เช่น ซอสมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศ หรือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้นค่ะ
10ประโยชน์ของมะเขือเทศลูกแดงๆ
1.มะเขือเทศ เป็นผลมีรสเปรี้ยว ช่วยดับกระหายทำให้เจริญอาหาร บำรุงและกระตุ้นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไต ให้ทำงานได้ดี มะเขือเทศมีกรดอะมิโนกลูตามิกสูง กรดอะมิโนตัวนี้เป็นกรดอะมิโนตัวเดียวกับที่อยู่ในผงชูรส จึงเป็นเหตุให้มะเขือเทศเพิ่มรสชาติให้อาหารทุกชนิด
2.มะเขือเทศช่วยขับพิษและสิ่งคั่งค้างในร่างกายเป็นยาระบายอ่อน ๆ
3. ช่วยเป็นยารักษาโรคผิวหนังที่โดนแดดเผาโดยใช้ใบตำให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็น
4. ช่วยแก้อาการปวดฟัน โดยนำราก ลำต้น และใบแก่ต้มกับน้ำรับประทาน
5. ช่วยรักษาสิว สมานผิวหน้าให้เต่งตึง ช่วยบำรุงผิว ลดริ้วรอย รักษาสิว สมานผิว ได้ค่ะ โดยใช้น้ำมะเขือเทศพอกหน้า หรืออาจจะมะเขือเทศสุกฝานบาง ๆ แปะบนใบหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม
6.มะเขือเทศมีสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ดังนั้นจึงใช้โรคที่เกี่ยวกับเชื้อราในช่องปากได้ ช่วยเป็นยารักษาโรคผิวหนัง โดยใช้ใบตำให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็นได้ค่ะ
7.มะเขือเทศมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จึงสามารถใช้ลดอาการความดันเลือดสูงได้
8.มะเขือเทศบำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามินเอสูงนั่นเอง
9.การกินมะเขือเทศลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และการเกิดมะเร็ง ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
10.มะเขือเทศเหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนเป็นโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบ และเหยื่อตาอักเสบ
แต่มะเขือเทศก็มีข้อควรระวังอยู่นิดนึงนะคะ ...... มะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนกลับจึงควรกินมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศในปริมาณจำกัดค่ะ ...... แล้ววันนี้ เพื่อนๆรับประทานมะเขือเทศกันบ้างหรือยังคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น