วันพุธ

ประโยชน์และโทษของแสงแดด

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ... เรื่องของแสงแดดนี่ดูเหมือนจะเป็นศัตรูกับสาวๆเลยนะคะ ก็พวกเราสาวไทยชอบสวยแบบขาวนี่นา แหมพอผิวสีน้ำผึ้งไปนิดก็โดนหนุ่มๆล้อว่าเป็นน้องดำดอทคอม ใครจะไปชอบละเนอะ ...... ดูง่ายๆก็เครื่องสำอางค์ประเภท whiteningในประเทศไทย นี่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยละค่ะ ...  แต่เอ๊ะสาวไทยไม่ยักเหมือนสาวฝรั่งนะคะที่ชอบผิวสีแทน นอนอาบแดดกันได้ทั้งวี่ทั้งวันทั้งๆที่ร้อนจะแย่อยู่แล้ว .... เพราะฉะนั้นว่านอกจากเรื่องรสนิยมสีผิวแล้ว แสงแดดนี่ก็ต้องมีทั้งประโยชน์และโทษจริงมั๊ยคะ  ......   เรามาดูประโยชน์ของแสงแดดกันก่อนดีกว่า ก็รู้ไว้ใช่ว่านะคะ ...ของหลายอย่างบนโลกนี้อย่างมีทั้งคุณและโทษในตัวเอง ถ้าเรารู้จักเลือกจุดที่เป็นประโยชน์นำมาใช้ และหลีกเลี่ยงจุดที่เป็นโทษซะ เราก็จะได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นสูงสุดค่ะ .....  แล้วการรู้จักเลือกสิ่งดีๆให้กับชีวิตก็เป็นคอนเซปท์หลักของสวยใสๆสไตล์แม่หมอที่พลาดไม่ได้อยู่แล้วค่ะ

ว่ากันเรื่องประโยชน์ของแสงแดด (แดดอ่อนๆ ก่อน11โมงเช้าและหลังบ่าย3โมง) มีดังนี้ค่ะ

   - แสงแดดมีวิตามินดี ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญของร่างกายบกพร่อง

   - สามารถกระตุ้นให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี

   - มีส่วนช่วยทำให้สมองดี  ความจำดี สมองประมวลผลได้รวดเร็ว

   - ช่วยให่ร่างกายตื่นตัว  กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟิน ที่ทำให้จิตใจและอารมณ์แจ่มใส

   - ช่วยรักษาหอบหืดและภูมิแพ้  หรือโรคติดเชือ้อย่างวัณโรค หรือโรคเรื้อนได้

   - ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

   - ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำใส้ และ มะเร็งปากมดลูก

   - วิตามินดีมีส่วนช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ ซึ่งก็เท่ากับแสงแดดมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักไปด้วย

   - แสงแดดช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น หายจากโรคซึมเศร้าได้

   - แสงแดดจะช่วยให้เซลล์ผิวหนังแข็งแรงและหนาขึ้นหากเราได้รับแสงแดดอ่อนๆอย่างสม่ำเสมอ


คราวนี้เรามาดูโทษของแสงแดดกันบ้างนะคะ

     - แสงแดดที่แรงจัดจะส่งผลทันทีทำให้ผิวไหม้แดด คล้ำ

     - ทำให้เป็นฝ้า กระ หรือ สิวบางชนิดที่กำเริบจากการโดนแดด

     - ผิวจะมีริ้วรอย ดูแก่ก่อนวัย

     - ทำอันตรายต่อกระจกตาและเลนซ์แก้วตา

     - ส่วนถ้าโดนแดดจัดสะสมกันนานๆ ผิวจะเหี่ยวเพราะขาดน้ำ

     - และอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งได้ค่ะ

หากเพื่อนๆไปโดนแดดมา แล้วรู้สึกผิดปกติให้สังเกตุดังนี้ค่ะ .......

     หากรู้สึกว่าผิวเราอักเสบเล็กน้อย คัน มีผื่นแดง ให้รีบหลบเข้าที่ร่ม ดื่มน้ำมากๆ ทา aftersun ที่มีส่วนผสมหลักของว่านหางจระเข้ เพื่อช่วยสมานผิวค่ะ

     หากรู้สึกปวดแสบปวดร้อนตามผิว มีอาการบวมแดง นอกจากดื่นน้ำมากๆ ทา afersun แล้ว อีกประมาณ1สัปดาห์ อาจมีอาการผิวลอกเป็นขุย ซึ่งเพื่อนๆน่าจะหา เบบี้ออยล์ หรือผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นมาบำรุงผิวแต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ดีขี้น พบแพทย์จะดีกว่านะคะ

     หากที่ผิวมีอาการพุพองเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังจากไปออกแดดมา ให้รีบไปพบแพทย์เลยค่ะ อย่าชะล่าใจนะคะ เพราะอาจติดเชื้อจากการอักเสบได้ค่ะ อาจต้องใช้เวลาประมาณ1เดือนถึงจะหายนะคะ

ผิวที่มีอาการไหม้แดดมา ควรงดการขัดผิวนะคะ ควรใช้สบู่อ่อนและทาโลชั่นบำรุงค่ะ และ งดชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการขับปัสสาวะทำให้ผิวขาดน้ำยิ่งขึ้นค่ะ

เรื่องราวของแสงแดดที่เราควรรู้นะคะ ...... แสงในความยาวคลื่นของอุลตราไวโอเลต แบ่งออกเป็น3ประเภทค่ะ .... ultraviolet A(UVA wavelength 320-400nm)..... ultraviolet B( UVB wavelength 280-320nm) และ ultraviolet C(UVC wavelength 190-280 nm) ..... UVC จะถูกกรองโดย โอโซนในบรรยากาศชั้น stratosphere ทำให้ไม่สามารถผ่านมาถึงพื้นโลกได้ค่ะ ส่วน UVAและ UVB ต่างกันอยู่บ้างดังนี้ค่ะ

     UVA ผ่านผิวหนังได้ลึกคือลงไปถึงชั้นหนังแท้ ซึ่งถ้าได้รับมากเกินไป จะไปทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวเหี่ยวย่นดูแก่ก่อนวัย เกิดฝ้ากระและ ริ้วรอย

     UVB จะผ่านเข้าไปในผิวหนังได้แค่ชั้นหนังกำพร้า และชั้นตื้นๆของหนังแท้ แต่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดผิวหนังไหม้แดด ในระยะยาว อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้นอกจากนั้นยังมีผลต่อกระจกตาและเลนส์แก้วตาด้วยค่ะ

การป้องกัน UVA และ UVB สามารถทำได้หลายอย่างเริ่มจาก หลบแดดในช่วง 11โมงเช้าถึงบ่าย3โมง  ถ้าจำเป็นต้องออกไปกลางแดดให้หาหมวกหรือใส่เสื้อแขนยาว กางร่มและใส่แว่นกันแดดพร้อม...... แต่วิธีที่อินเทรนด์ที่สุดคือการทาครีมกันแดด .... แม่หมอมีวิธีการลือกซือ้ครีมกันแดดมาฝากเพื่อนด้วยค่ะ  แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักคำที่อยู่บนฉลากครีมกันแดดที่วางขายกันก่อนนะคะ

     SPF (Sun Protection Factor) คือค่าการป้องกันแสงแดด ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจาก UVB ถ้า SPF ยิ่งสูงจะสามารถป้องกันอาการแดง (sunburn) ได้ยิ่งดี..... เช่นถ้าเราเคยตากแดดแล้วผิวไหม้แดง ในเวลา 15 นาที หากทาครีมกันแดดที่มี SPF= 15 ผิวจะไหม้ในเวลาเป็น 15 เท่าคือ 225 นาที  หรือ3ชั่วโมง45นาทีนั่นเองค่ะ

     PA (Protection of UV-A) หรือ ค่าการวัดการปกป้องรังสี UV-A โดยตัวบ่งชี้ค่าของการวัดการปกป้องของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะเป็นช่วง ตั้งแต่ 1 - 8 .....โดยค่า 1 หมายถึงมีการปกป้องน้อยที่สุด ค่า PA จะสัมพันธ์กับเครื่องหมาย +ดังนี้ค่ะ .... PA+ = 1-3...... PA++ = 4-5..... PA+++ = 6-8


    water resistant หมายความว่า สามารถป้องกัน UV ได้หลังจากอยู่ในน้ำนาน 40 นาที .... ส่วน waterproof สามารถอยู่ในน้ำได้นานถึง 80 นาที

    
ส่วนการเลือกซือ้ครีมกันแดด  ก็ดูวัตถุประสงค์การใช้งานว่าเราต้องการกันแดดนานแค่ไหน ถ้านานก็เลือก SPFสูง PAก็เลือกที่เป็น+++  และเลือกว่าต้องการกันน้ำหรือไม่โดยดูจากwater proof - water resistantค่ะ....... อย่าลืมนะคะ แสงแดดมีทั้งประโยชน์และโทษค่ะ แสงแดดที่เหมาะและไม่เป็นอันตรายคือช่วงประมาณก่อน11โมงเช้าและหลังบ่าย3โมง ..... แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยก็อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านด้วยทุกครั้งนะคะ .... สวยทั้งทีแบบสวยใสๆสไตล์แม่หมอก็ต้องไร้มลพิษจากแดดละค่ะ...

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24.7.53

    วันนี้เราสามารถรู้ถึงข้อดี และข้อเสียของแสงแดดด้วยแม่หมอเก่งจัง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ24.7.53

    การเลือกครีมกันแดด ต้องเลือกซื้อแบบไหนค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ24.7.53

    แม่หมอแนะนำดีมากครับ ผมชอบมากเลย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ24.7.53

    Dig til Rnooge nice.

    ตอบลบ
  5. การเลือกครีมกันแดด หลักใหญ่อยู่ที่วัตถุประสงค์ค่ะ หากต้องออกไปข้างนอกตอนกลางวันและไม่ลงครีมกันแดดซ้ำ spf15 อาจไม่พอ เลือกเป็นspf30หรือ50น่าจะดีกว่าค่ะ ....ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกมากมายค่ะ มีทั้งสีขาวและสีเบจ (สำหรับคนที่ไม้ต้องการรองพื้นซ้ำ) ทั้งเป็นโลชั่นและเนื้อครีม บางประเภททาแล้วซึม บางประเภททาแล้วเหมือนฟิล์มเคลือบ รวมไปถึงยังมีบางอันที่มีส่วนผสมเมนทอลด้วยค่ะ แล้วแต่ชอบค่ะ ...แต่ถ้าจะลงน้ำอย่าลืมเลือกแบบกันน้ำนะคะ ...อ้อคุณภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ อาจต้องเลือกหน่อย หากยี่ห้อไหนใช้แล้วกลับมาบ้านหน้าคล้ำแนะนำเปลี่ยนค่ะ เพราะหากเกิดฝ้าหรือกระบนหน้าไม่คุ้มเลยนะคะ.... ขอบคุณสำหรับทุกๆเมนท์ค่ะ

    ตอบลบ

เพื่อน ๆ แม่หมอสาว