สวยด้วยสุขภาพ ในสวยใสๆสไลแม่หมอ วันนี้ขอเกาะเทรนด์โรคสุดฮิตติดกระแส นั่นก็คือโรคกรดไหลย้อน นั่นเองค่ะ ........ อันที่จริงโรคกรดไหลย้อนไม่ได้เป็นโรคแปลกใหม่สำหรับคนไทยเลยนะคะ สาเหตุของโรคเกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ ...... ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นโรคนี้ก็คือ พฤติกรรมการบริโภคของคนยุคใหม่ที่ไม่ค่อยกินข้าวเช้าแล้วชอบกินอาหารเย็นหนักๆ อิ่มปุ๊ปก็นอน ........ อาหารจึงยังตกค้างอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ต้องหลั่งกรดออกมาย่อยประกอบกับท่านอนที่หัวเสมอหรือต่ำกว่าลำตัว ทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่ลำคอ เกิดอาการแสบระคายเคืองขึ้นได้ค่ะ.........
อาการของโรคกรดไหลย้อน ......... จะเป็นคนละแบบกับโรคกระเพาะนะคะ โดยทั่วไปก็จะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ ............... ในบางรายอาจมีอาการแสดงออกนอกหลอดอาหารได้ เช่น อาการทางปอด หรืออาการทางคอและกล่องเสียง เสียงแหบเรื้อรัง มีไอเรื้อรัง มีกลิ่นปาก ...... หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้ค่ะ ....... และถ้าปล่อยให้หลอดอาหารส่วนปลายระคายเคืองไปนานๆ อาจทำให้หลอดอาหารเป็นมะเร็งได้ด้วยนะคะ ก็เรียกว่า เป้นโรคที่อาจเกิดอันตรายได้อย่างไม่คาดคิดเลยละค่ะ ........โรคนี้มักจะพบในทุกกลุ่มอายุ แต่ที่พบมากและมักจะมีอาการรุนแรง จะเป็นกลุ่มคนอ้วน ยิ่งกลุ่มคนที่สูบบุหรี่ยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้นค่ะ
ถ้าเริ่มรู้สึกว่ามีอาการดังกล่าวต้องทำอย่างไรบ้าง ........ พบแพทย์เลยค่ะ โดยปกติแล้วแพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้จากอาการดังที่กล่าวมาและสามารถให้การรักษาเบื้องต้นได้.......... แต่ในบางรายอาจมีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ส่องกล้องทางเดินอาหาร ตรวจทางรังสีวิทยา การตรวจวัดการบีบตัวของหลอดอาหาร และการตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในหลอดอาหาร ซึ่งพบว่าได้ผลแม่นยำและดีที่สุดในปัจจุบันค่ะ ......... ส่วนการจะจัดการกับโรคกรดไหลย้อนเบื้องต้นก็คือการปรับเปลี่ยนการกิน และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตค่ะ
การปรับเปลี่ยนอาหารการกิน มีดังนี้ค่ะ
1.หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดผ่อนคลายไม่กระชับ เช่น ช็อกโกแลต น้ำมัน ของทอดและอาหารที่มีไขมันสูง
2. หลีกเลี่ยงอาหารที่ไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร เช่น ชา กาแฟ หน่อไม้ฝรั่ง ลูกพรุน ส้ม น้ำมะเขือเทศ น้ำส้มสายชู
3.หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดร้อนเช่นกระเทียม หัวหอม พริก พริกไทย มาสตาร์ด
4.หลีกเลี่ยง เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อันได้แก่ เหล้า เบียร์ ไวน์รวมถึง น้ำอัดลม โซดา เนื่องจากมีแก๊สที่ทำให้ปริมาตรกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น
5. หลีกเลี่ยงของขบเคี้ยวที่มีส่วนประกอบของมินท์ เช่นหมากฝรั่งเปปเปอร์มินท์
6.รับประทานขมิ้นชันก่อนอาหาร จะช่วยรักากรดไหลย้อนได้ค่ะ
การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตได้แก่
1.อย่ากินอิ่มเกิน กินแต่น้อยแต่หลายมื้อได้ อย่ากินอย่างเร่งรีบ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่าดื่มน้ำมากพร้อมอาหาร
2.กินอาหารแล้วห้ามออกกำลังกายหรือนอนทันที ควรทิ้งช่วงประมาณ 2-3 ชั่วโมง
3. เมื่อรู้สึกว่ากรดไหลย้อน ให้ดื่มน้ำ กลืนน้ำลาย หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง(ที่ไม่มีส่วนผสมมินท์ เพื่อช่วยสลายกรด
4.อย่าก้มช่วงหลังกินอาหารเสร็จใหม่ๆ
5.อย่าใส่เข็มขัดหรือเสื้อผ้ารัดแน่นเกินไป
6. พยายามนอนตะแคงขวาเพื่อจะได้ไม่กดทับท้องจนกรดไหลย้อน
7. ควรยกหัวเตียงให้ลาดสูงขึ้นประมาณ 6-8 นิ้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กรดคั่งในหลอดอาหาร
8.พยายามอย่าเครียด ผ่อนคลายให้มากขึ้น เพราะความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกรดมาก
9.งดสูบบุหรี่
สุขภาพที่ดี เราทำได้นะคะ แม้กรดไหลย้อนจะเป็นโตคฮิตติดกระแสแต่เราป้องกันได้นะคะ ...... หรือถ้าเริ่มเป็นแล้วก็สามารถรักษาได้โดยการดูแลอาหารการกินและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา .... ซึ่งสิ่งที่น่าระวังอีกอย่างก็คือ หากมีอาหารผิดปกติควรไปพบแพทย์นะคะ เพราะ หลายคนคิดว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ ไปซือ้ยามากินเอง แล้วก็ไม่หายหรอกค่ะ เพราะโรคที่เป็นกลับกลายเป็นกรดไหลย้อนโรคฮิตติดกระแสนั่นเองค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น