วันเสาร์

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกและวัคซีนเอชพีวี

สวยใสๆสไตล์แม่หมอ วันนี้ขอพาเพื่อนสาวมารู้จักกับวัคซีนผู้หญิ๊ง ผู้หญิง นั่นก็คือ วัคซีนเอชพีวี ที่ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกกันค่ะ ..... ว่าไปแล้ว เจ้ามะเร็งปากมดลูกนี่เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย โดยแต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณปีละ 6,000 คนในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เสียชีวิต ซึ่งผู้หญิงไทยต้องเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยถึงวันละ7คน และมากกว่า80%อยู่ในช่วงอายุ30-60ปีนะคะ ...... โรคนี้ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีซึ่งติดต่อได้ง่ายมากทางเพศสัมพันธ์ และถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้100% ..... แต่มะเร็งปากมดลูกก็สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนเอชพีวีร่วมกับการตรวจแพปสเมียร์เป็นประจำ แต่ต้องบอกก่อนนะคะ ว่าววัคซีนเอชพีวี ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีเฉพาะสายพันธ์16และ18 ได้100% ซึ่งทั้งสองสายพันธ์เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก70%  ... แต่ก็ยังคงเหลือความเสี่ยงอีก30%นะคะ  ว่าแล้วเรามาดูความเชื่อและความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ

ความเชื่อ  : มะเร็งปากมดลูกเหรอ  ก็เป็นโรคที่น่ากลัวนะ แต่ฉันคิดว่าฉันไม่เป็นหรอก เพราะฉันดูแลสุขภาพอย่างดี และคนในครอบครัวก็ไม่เคยมีใครเป็นมะเร็งปากมดลูกเลย
ความจริง  : มะเร็งปากมดลูกไม่ได้เกิดจากกรรมพพันธ์ แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีซึ่งติดต่อได้ง่ายมากทางเพศสัมพันธ์  แม้คนในครอบครัวของคุณจะไม่มีใครเคยเป็นมาก่อน คุณก็อาจเป็นมะเร้งปากมดลูกได้ ถึงดูแลสุขภาพทั่วไปอย่างดีแล้ว แต่ละเลยไม่ไปตรวจภายในเป็นประจำ

ความเชื่อ :ฉันไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกหรอก เพราะคู่ของฉันเป็นคนซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียว ไม่มีทางจะไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นได้
ความจริง : จากการศึกษา ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า 46% ในกลุ่มผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
เพียงคนเดียวเกิดการติดเชื้อเอชพีวีได้ ดังนั้นผู้หญิงทุกคนจึงมีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกตราบใดที่ยังมีเพศสัมพันธ์

ความเชื่อ  : แฟนฉันใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว ไม่มีทางได้รับเชื้อเอชพีวีหรอก
ความจริง  : ถุงยางอนามัยสามารถป้องกันดรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้ แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อเอชพีวีได้ 100% ดังนั้นคุณจึงมีความเสี่ยงในการรับเชื้อเอชพีวี ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกอยู่

ความเชื่อ : ฉันรู้ว่าวัคซีนเอชพีวีที่ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ แต่ฉันก็ตรวจแป๊ปสเมียร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่เห็นต้องฉีดวัคซีนเลย
ความจริง : การฉีดวัคซีนเอชพีวีและการตรวจแป๊ปสเมียร์เป็นวิธีการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพทั้งคู่ โดยการฉีดวัคซีนเอชพีวีจะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อเกิดความผิดปกติและอาจเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง  ส่วนการตรวจแพปสเมียร์นั้นเป้นการตรวจหารอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งหากพบความผิดปกติ ก็หมายความว่าอาจมีการติดเชื้อเอชพีวีแล้วและต้องได้รับการรักษา หากทำร่วมกันทั้ง 2 วิธีก็จะได้ผลดีที่สุดในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก

ความเชื่อ  : วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดตั้งแต่ยังเด็ก ฉันแก่เกินไปที่จะไปฉีดวัคซีนป้องกันแล้วล่ะ
ความจริง  : จริงอยู่การฉีดวัคซีนในเด็กผู้หญิงอายุ10-11ปีจะได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเด็กยังไม่มีเพศสัมพันธ์จึงยังไม่ได้รับเชื้อ นอกจากนี้เด็กยังตอบสนองและสร้างภูมิคุมกันได้สูงกว่าผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยได้รับเชื้อเอชพีวีก็ยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้สูงกว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากธรรมชาติมาก จึงยังได้ประโยชน์มากจากการฉีดวัคซีนเช่นกัน

ความเชื่อ : เคยได้ยินมาว่าถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้ว ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกไปก็ไม่มีประโยชน์
ความจริง : จากการศึกษาผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว พบว่ามีน้อยกว่า 1% ที่พบการติดเชื้อเอชพีวีทั้ง
ชนิด 16 และ 18 พร้อมกันที่ปากมดลูก วัคซีนจึงยังสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่ไม่เคย
มีการติดเชื้อมาก่อน การฉีดวัคซีนในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วจึงยังมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันมะเร็ง
ปากมดลูกอยู่

ความเชื่อ : ลูกของฉันยังเล็กอยู่ ยังไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับใคร ยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรอก
ความจริง : การติดเชื้อเอชพีวีเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยอัตราการติดเชื้อจะสุงที่สุดในวัยรุ่นตอนต้นหรือวัยที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ การให้ลูกฉีดวัคซีนตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยรุ่น จึงเป็นโอกาสสำคัญที่คุณจะให้ เพื่อปกป้องลูกสาวของคุณสำหรับอนาคตล่วงหน้า และเด็กก็จะได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเด็กสามารถสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้สูงกว่าผู้ใหญ่มาก เพื่อพร้อมรับมือกับเชื้อที่เข้ามาเมื่อเริ่มมีเพศสัมพันธ์ ประเทศในยุโรปหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนตั้งแต่ยังเด็ก รัฐบาลจึงจัดให้เด็กผู้หญิงอายุ 12 - 13 ปี  ฉีดวัคซีนเอชพีวีเพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกฟรีทุกคน ทั้งนี้สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีในเด็กหญิงอายุ 11 - 12 ปี

ความเชื่อ : วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเหรอ ฉีดชนิดไหนก็เหมือนกันแหละ ประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งคงไม่แตกต่างกันหรอก
ความจริง : ปัจจุบันมีวัคซีนในตลาด 2 ชนิด ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็น
สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่ถึง 70%  ชนิดแรกเป็นวัคซีน2สายพันธ์ เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่มีสาเหตุมาจากเชือ้เอชพีวีสายพันธ์16 และ18 ซึ่งเสริมสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันรุ่นใหม่ ทำให้สร้างภูมิคุ้นกันได้สูงกว่าและอยู่ได้นานกว่าอีกชนิด ซึ่งเป็นวัคซีน4สายพันธ์ ซึ่งใช้ป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากสายพันธ์16 และ18 และยังอาจป้องกันหูดอวัยวะเพศจากสายพันธ์ 6และ11ได้

ความเชื่อ : ฉีดวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องตรวจภายในแล้วล่ะ
ความจริง : วัคซีนเอชพีวีสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ได้เกือบ 100% ในผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อชนิดนั้นมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามมะเร็งปากมดลูกอาจเกิดการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์อื่นได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้หญิงจึงควรตรวจภายใน (แพปสเมียร์) อยู่


ขอขอบคุณ  : ข้อมูลวิชาการโดย รศ นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อน ๆ แม่หมอสาว